สมัยนี้ใครๆ ก็ขายของออนไลน์กัน แต่จะทำยังไงล่ะ ให้ร้านเราปัง! ยอดขายพุ่งกระฉูด? คำตอบง่ายๆ เลยครับ “Sales Funnel” หรือ “กรวยขายของ” นี่แหละ ตัวช่วยสำคัญที่จะเปลี่ยนคนแปลกหน้า ให้กลายมาเป็นลูกค้าขาประจำของเรา
ผมเองก็คลุกคลีอยู่ในวงการออนไลน์มานาน เห็นร้านค้ามาแล้วมากมาย ทั้งที่รุ่งเรือง และที่ล้มหายตายจากไป สิ่งหนึ่งที่ร้านค้าที่ประสบความสำเร็จมีเหมือนกันก็คือ فهم قويของ Sales Funnel และการนำไปใช้อย่างชาญฉลาด
ในบทความนี้ ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ตรง พร้อมแนะนำวิธีสร้าง Sales Funnel ออนไลน์แบบ Step-by-Step รับรองว่าอ่านจบแล้ว นำไปปรับใช้ได้จริงแน่นอน!
Sales Funnel คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ?
ก่อนอื่นเลย เราต้องเข้าใจก่อนว่า Sales Funnel คืออะไร? ง่ายๆ เลยครับ มันก็เหมือน “กรวย” ที่ค่อยๆ กรองลูกค้า ตั้งแต่คนที่เพิ่งรู้จักร้านเรา จนกระทั่งกลายมาเป็นลูกค้าประจำ
ขั้นตอนของ Sales Funnel โดยทั่วไป จะมี 4 ขั้นตอนหลักๆ
- Awareness (การรับรู้): ขั้นตอนแรกสุด คือการทำให้คนรู้จักร้านค้า หรือสินค้าของเรา เหมือนกับการโปรยเสน่ห์ ให้คนสนใจนั่นแหละครับ
- Interest (ความสนใจ): เมื่อคนเริ่มรู้จักเราแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างความสนใจ ให้เขาอยากรู้จักเรามากขึ้น อยากรู้ว่าเราขายอะไร มีอะไรดีบ้าง
- Desire (ความปรารถนา): จากแค่สนใจธรรมดา เราต้องทำให้เขารู้สึก “อยากได้” สินค้าของเราจริงๆ อยากเป็นเจ้าของ อยากใช้ประโยชน์จากมัน
- Action (การตัดสินใจ): ขั้นตอนสุดท้าย คือการกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ ปิดการขายให้ได้ อาจจะด้วยโปรโมชั่นเด็ดๆ ส่วนลดสุดพิเศษ หรือการรับประกันที่น่าสนใจ
แล้วทำไม Sales Funnel ถึงสำคัญล่ะ?
ลองนึกภาพตามนะครับ ถ้าเราไม่มี Sales Funnel เลย ก็เหมือนกับการยิงปืนในที่มืด ไม่รู้ว่าลูกค้าเราอยู่ตรงไหน สนใจอะไร ต้องการอะไร สุดท้ายก็เสียเงินไปกับการโฆษณาโดยเปล่าประโยชน์
แต่ถ้าเรามี Sales Funnel ที่ดี เราก็จะรู้ว่าควรทำอะไร ในแต่ละขั้นตอน เพื่อดึงดูดลูกค้า และปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนกับการยิงธนู ที่เล็งเป้าหมายอย่างแม่นยำ โอกาสที่จะโดนเป้าก็สูงขึ้น
สร้าง Sales Funnel ออนไลน์ ฉบับมือโปร
เอาล่ะครับ ทีนี้เรามาดูกันดีกว่า ว่าจะสร้าง Sales Funnel ออนไลน์ ให้ปังๆ ได้ยังไง?
1. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Target Audience)
ขั้นตอนแรกสุด และสำคัญที่สุด คือการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ว่าเราอยากขายสินค้าให้ใคร? คนกลุ่มไหนที่น่าจะสนใจสินค้าของเรา?
ยิ่งเรากำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนเท่าไหร่ ก็ยิ่งง่ายต่อการวางแผน และเลือกใช้เครื่องมือทางการตลาด ที่เหมาะสม เช่น ถ้าเราขายเสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับวัยรุ่น เราก็อาจจะเน้นการโฆษณาบน TikTok หรือ Instagram เป็นต้น
2. สร้าง Content ที่น่าสนใจ
Content คือหัวใจสำคัญของ Sales Funnel ออนไลน์ เพราะเป็นสิ่งที่ใช้ดึงดูดความสนใจ และสร้างความประทับใจแรก ให้กับลูกค้า
Content ที่ดี ควรมีคุณสมบัติดังนี้
- ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย: เนื้อหาต้องตอบโจทย์ความต้องการ และความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เช่น ถ้าเราขายเครื่องสำอาง เราก็ควรสร้าง Content เกี่ยวกับ เคล็ดลับความงาม รีวิวสินค้า หรือสอนแต่งหน้า
- มีประโยชน์: เนื้อหาต้องให้ความรู้ หรือแก้ปัญหาให้กับลูกค้า เช่น ถ้าเราขายอาหารเสริม เราก็ควรให้ข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของอาหารเสริม วิธีการรับประทาน หรือข้อควรระวัง
- น่าสนใจ: เนื้อหาต้องน่าอ่าน น่าติดตาม ไม่น่าเบื่อ อาจจะใช้รูปภาพ วิดีโอ หรือ Infographic ประกอบ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ
3. เลือกช่องทางการโปรโมท
เมื่อเรามี Content ดีๆ แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกช่องทางการโปรโมท ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
ช่องทางการโปรโมท มีมากมาย เช่น
- Social Media: Facebook, Instagram, Twitter, TikTok, LINE
- Website/Blog: สร้างเว็บไซต์ หรือบล็อก เป็นของตัวเอง เพื่อเผยแพร่ Content และข้อมูลสินค้า
- Search Engine Optimization (SEO): ปรับแต่งเว็บไซต์ ให้ติดอันดับบน Google เพื่อให้คนค้นหาเจอ
- Email Marketing: ส่งอีเมล เพื่อโปรโมทสินค้า หรือแจ้งข่าวสาร ให้กับลูกค้า
- Paid Advertising: ลงโฆษณาบน Google, Facebook, Instagram หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ
4. สร้าง Landing Page
Landing Page คือหน้าเว็บไซต์ ที่ออกแบบมา เพื่อให้ลูกค้าทำสิ่งที่เราต้องการ เช่น สมัครสมาชิก ดาวน์โหลด E-book หรือสั่งซื้อสินค้า
Landing Page ที่ดี ควรมีองค์ประกอบดังนี้
- Headline ที่ดึงดูดใจ: สื่อสารข้อดี และประโยชน์ของสินค้า หรือบริการ อย่างชัดเจน
- รูปภาพ หรือวิดีโอ ที่สวยงาม: ช่วยเพิ่มความน่าสนใจ และความน่าเชื่อถือ
- Call to Action ที่ชัดเจน: บอกให้ลูกค้ารู้ว่า ต้องทำอะไร เช่น “สั่งซื้อเลย” “สมัครสมาชิกฟรี”
- แบบฟอร์ม ที่ใช้งานง่าย: ไม่ควรมีช่องให้กรอกเยอะเกินไป ทำให้ลูกค้ารู้สึกยุ่งยาก
5. สร้าง Offer ที่น่าสนใจ
Offer คือสิ่งที่เราเสนอให้กับลูกค้า เพื่อจูงใจให้เขาซื้อสินค้า หรือใช้บริการ เช่น ส่วนลด ของแถม ส่งฟรี หรือการรับประกัน
Offer ที่ดี ควรมีคุณสมบัติดังนี้
- คุ้มค่า: ลูกค้าต้องรู้สึกว่า ได้รับความคุ้มค่า จาก Offer ที่เราเสนอให้
- จำกัดเวลา: สร้างความรู้สึกเร่งด่วน ให้ลูกค้ารีบตัดสินใจ เช่น “ส่วนลดพิเศษ เฉพาะวันนี้เท่านั้น”
- ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย: Offer ต้องตรงกับความต้องการ และความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย
6. ปิดการขาย
เมื่อลูกค้าสนใจ Offer ของเราแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการปิดการขาย ซึ่งอาจจะทำได้หลายวิธี เช่น
- ติดต่อลูกค้าโดยตรง: โทรศัพท์ หรือส่งข้อความ เพื่อตอบคำถาม และให้ข้อมูลเพิ่มเติม
- ใช้ Chatbot: ตอบคำถาม และให้บริการลูกค้า แบบอัตโนมัติ ตลอด 24 ชั่วโมง
- จัด Live ขายของ: สร้างความสนุกสนาน และกระตุ้นยอดขาย แบบเรียลไทม์
7. รักษาลูกค้า
หลังจากปิดการขายได้แล้ว อย่าลืมรักษาลูกค้า ให้กลับมาซื้อซ้ำ ด้วยวิธีต่างๆ เช่น
- ส่ง Email ขอบคุณ: แสดงความขอบคุณ ที่ลูกค้าอุดหนุน
- มอบส่วนลด หรือสิทธิพิเศษ: สำหรับลูกค้าเก่า
- จัดกิจกรรม ส่งเสริมการขาย: เช่น สะสมแต้ม แลกของรางวัล
- ให้บริการหลังการขายที่ดี: เช่น การรับประกัน การเปลี่ยนสินค้า หรือการคืนเงิน
ตัวอย่าง Sales Funnel ออนไลน์
สมมติว่า ผมขาย “คอร์สสอนออนไลน์ เกี่ยวกับการทำ SEO” ผมอาจจะสร้าง Sales Funnel ดังนี้
- Awareness: เขียนบทความ เกี่ยวกับ SEO โพสต์ลง Facebook และ Website เพื่อให้คนรู้จัก
- Interest: สร้าง Landing Page แจก E-book ฟรี เกี่ยวกับ “เคล็ดลับ SEO พื้นฐาน” เพื่อแลกกับ Email ของลูกค้า
- Desire: ส่ง Email แนะนำ คอร์สสอน SEO พร้อมรีวิวจากลูกค้า และผลลัพธ์ที่ได้
- Action: เปิดรับสมัคร คอร์สสอน SEO พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับผู้ที่สมัครภายใน 7 วัน
เครื่องมือช่วยสร้าง Sales Funnel ออนไลน์
- Google Analytics: วิเคราะห์ Website Traffic และพฤติกรรมของลูกค้า
- Mailchimp: ส่ง Email Marketing แบบอัตโนมัติ
- LINE Official Account: สื่อสาร และให้บริการลูกค้า ผ่าน LINE
- Salesforce: บริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM)
- HubSpot: แพลตฟอร์ม Marketing Automation แบบครบวงจร
บทสรุป
การสร้าง Sales Funnel ออนไลน์ เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับธุรกิจออนไลน์ทุกประเภท ช่วยให้เราดึงดูดลูกค้า ปิดการขาย และรักษาลูกค้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หวังว่าบทความนี้ จะเป็นประโยชน์ สำหรับทุกท่านนะครับ ลองนำไปปรับใช้ กับธุรกิจของคุณดู รับรองว่า ยอดขายปังแน่นอน!
