สวัสดีครับเพื่อนๆ นักการตลาดออนไลน์ทุกคน! ผมเชื่อว่าหลายคนคงกำลังทุ่มเทกับการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google กันอยู่ใช่ไหมล่ะครับ แต่เคยสงสัยกันบ้างไหมครับว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า สิ่งที่เราทำอยู่นั้นมันได้ผลจริง ๆ? แค่เห็นยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างเดียวอาจจะไม่พอ เพราะบางทีมันอาจมาจากปัจจัยอื่นๆ ก็ได้ วันนี้ผมเลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับการวัดผล SEO แบบมืออาชีพ พร้อมแนะนำเครื่องมือและตัวชี้วัดสำคัญๆ ที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของประสิทธิภาพ SEO ได้อย่างชัดเจนครับ
ทำไมต้องวัดผล SEO?
ก่อนอื่นเลย เราต้องเข้าใจก่อนว่า การวัดผล SEO นั้นสำคัญมาก ๆ นะครับ เพราะมันจะช่วยให้เรารู้ว่า
- กลยุทธ์ SEO ที่เราใช้อยู่นั้นมีประสิทธิภาพแค่ไหน? สิ่งที่เราทำอยู่เช่น การเลือก Keyword การสร้าง Content หรือการทำ Backlink มันช่วยให้เว็บไซต์ของเราดีขึ้นจริงหรือเปล่า?
- จุดแข็ง จุดอ่อน ของเว็บไซต์เราอยู่ตรงไหน? เราจะได้รู้ว่าควรปรับปรุงแก้ไขส่วนไหน เพื่อให้ SEO ของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ควรจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรไปในทิศทางใด? การวัดผลจะช่วยให้เรารู้ว่าควรลงทุนกับส่วนไหนมากขึ้น เช่น ควรจ้างคนเขียน Content เพิ่ม หรือควรเน้นไปที่การทำ Off-page SEO มากกว่า
ตัวชี้วัด (Metrics) สำคัญในการวัดผล SEO
การวัดผล SEO นั้นมีหลากหลายตัวชี้วัดนะครับ แต่ผมจะขอหยิบยกตัวชี้วัดที่สำคัญ ๆ และนิยมใช้กันมากที่สุดมาเล่าให้ฟังดังนี้
1. Organic Traffic:
แน่นอนครับว่า หัวใจหลักของ SEO คือการเพิ่ม Traffic แบบ Organic หรือ Traffic ที่เข้ามาจากการค้นหาบน Google ยิ่งมีคนเข้าเว็บไซต์เรามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสในการขายมากขึ้นเท่านั้น เราสามารถดูข้อมูล Organic Traffic ได้จาก Google Analytics ([invalid URL removed]) นะครับ โดยดูที่ Acquisition > All Traffic > Channels > Organic Search
2. Keyword Ranking:
อันดับของ Keyword ที่เราต้องการให้ติดอันดับบน Google ก็เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่สำคัญ ยิ่ง Keyword ของเราติดอันดับต้น ๆ ก็ยิ่งมีโอกาสที่คนจะคลิกเข้ามาดูเว็บไซต์เรามากขึ้น เครื่องมือที่ช่วยเช็คอันดับ Keyword ได้แก่ Google Search Console (search.google.com/search-console) และ Ahrefs (ahrefs.com)
3. Bounce Rate:
Bounce Rate คือ อัตราการที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ออกจากเว็บไซต์ทันทีหลังจากเข้ามา Bounce Rate ที่สูงบ่งบอกว่า Content ของเราอาจจะไม่น่าสนใจ หรือไม่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน เราควรวิเคราะห์หาสาเหตุและปรับปรุง Content ให้ดีขึ้น สามารถดูข้อมูล Bounce Rate ได้จาก Google Analytics เช่นกันครับ
4. Conversion Rate:
Conversion Rate คือ อัตราส่วนของผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ทำตามเป้าหมายที่เรากำหนดไว้ เช่น การซื้อสินค้า การสมัครสมาชิก หรือการกรอกแบบฟอร์ม ยิ่ง Conversion Rate สูง ก็แปลว่า SEO ของเรามีประสิทธิภาพในการดึงดูดลูกค้าที่มีคุณภาพ Google Analytics ก็มีข้อมูลส่วนนี้ให้เราดูเช่นกันครับ
5. Backlinks:
Backlinks คือ ลิงก์จากเว็บไซต์อื่นที่ชี้มายังเว็บไซต์ของเรา Backlinks ที่มีคุณภาพจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของเราในสายตา Google เราสามารถใช้เครื่องมืออย่าง Ahrefs หรือ Semrush (semrush.com) ในการตรวจสอบ Backlinks ของเว็บไซต์เราได้
6. Page Speed:
ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ Google ให้ความสำคัญ ถ้าเว็บไซต์ของเราโหลดช้า ผู้เข้าชมอาจจะรอนานไม่ไหวแล้วออกจากเว็บไซต์ไป เราสามารถใช้เครื่องมืออย่าง Google PageSpeed Insights ([invalid URL removed]) ในการตรวจสอบความเร็วและหาข้อแนะนำในการปรับปรุงเว็บไซต์ได้
7. Domain Authority (DA) และ Page Authority (PA):
DA และ PA เป็นคะแนนที่บ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือของโดเมนและหน้าเว็บไซต์ ยิ่งคะแนนสูง ก็ยิ่งมีโอกาสติดอันดับบน Google มากขึ้น เราสามารถเช็ค DA และ PA ได้จากเว็บไซต์ Moz (moz.com)
เครื่องมือวัดผล SEO ที่ควรมีติดตัว
นอกจาก Google Analytics และ Google Search Console ที่ผมได้กล่าวไปแล้ว ยังมีเครื่องมืออื่น ๆ อีกมากมายที่จะช่วยให้การวัดผล SEO ของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผมขอแนะนำเครื่องมือที่ได้รับความนิยม ดังนี้
- Ahrefs: เครื่องมือ SEO All-in-One ที่ครบเครื่องเรื่องการวิเคราะห์ Keyword, Backlinks, และคู่แข่ง
- Semrush: อีกหนึ่งเครื่องมือ SEO ยอดนิยมที่มีฟีเจอร์หลากหลายคล้ายกับ Ahrefs
- Moz: โดดเด่นเรื่องการวิเคราะห์ DA, PA, และ On-Page SEO
- Screaming Frog: เครื่องมือช่วยตรวจสอบปัญหาทางเทคนิคของเว็บไซต์ (Technical SEO)
- Google Trends: ช่วยดูแนวโน้มความนิยมของ Keyword
Google Analytics ภาษาไทย: ตัวช่วยสำคัญในการวัดผล SEO
Google Analytics เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ทรงพลังมาก ๆ เราสามารถดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น
- จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์
- แหล่งที่มาของ Traffic
- พฤติกรรมของผู้เข้าชมในเว็บไซต์
- Conversion Rate
- และอื่น ๆ อีกมากมาย
ที่สำคัญ Google Analytics ยังมีเวอร์ชั่นภาษาไทยด้วยนะครับ ทำให้ใช้งานง่ายขึ้นสำหรับคนไทย ผมแนะนำให้ทุกคนศึกษาและเรียนรู้การใช้งาน Google Analytics ให้คล่อง เพราะมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการทำ SEO ครับ
เทคนิคการรายงานผล SEO
การรายงานผล SEO ให้เข้าใจง่ายและเห็นภาพชัดเจนก็เป็นสิ่งสำคัญนะครับ ผมมีเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝาก
- ใช้กราฟและแผนภูมิ: ช่วยให้เห็นแนวโน้มของข้อมูลได้ง่ายขึ้น
- เน้นตัวชี้วัดที่สำคัญ: อย่าใส่ข้อมูลเยอะเกินไปจนทำให้ดูรก เลือกเฉพาะตัวชี้วัดที่สำคัญและสอดคล้องกับเป้าหมายของเรามาแสดง
- เปรียบเทียบข้อมูล: เช่น เปรียบเทียบผลลัพธ์กับเดือนก่อนหน้า หรือเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
- วิเคราะห์ข้อมูลและให้ข้อเสนอแนะ: อย่าแค่รายงานตัวเลข แต่ควรวิเคราะห์ข้อมูลและให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแก้ไขด้วย
บทสรุป
การวัดผล SEO เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับนักการตลาดออนไลน์ทุกคน การเลือกใช้เครื่องมือและตัวชี้วัดที่เหมาะสม จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของประสิทธิภาพ SEO ได้อย่างชัดเจน นำไปสู่การปรับปรุงกลยุทธ์และการตัดสินใจที่ถูกต้อง หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ทุกคนนะครับ ขอให้ประสบความสำเร็จในการทำ SEO ทุกคนครับ!