เวลาผมคุยกับเจ้าของธุรกิจออนไลน์ใหม่ ๆ สิ่งหนึ่งที่เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าคือ “ความเข้าใจผิดเรื่อง Keyword”
บางคนเลือกจากความรู้สึก บางคนเลือกจากสิ่งที่คิดว่าลูกค้าค้นหา ทั้งที่ในความจริง…ไม่มีใครพิมพ์แบบนั้นเลย
แล้วสุดท้ายก็ต้องใช้เวลาหลายเดือนเขียนคอนเทนต์ ทำ SEO ปั่นเว็บไซต์ แต่ผลลัพธ์กลับ นิ่งสนิทไม่ขยับ
ผมเองก็เคยผ่านจุดนั้นมาก่อน
ตอนเริ่มทำ SEO ใหม่ ๆ ผมคิดว่าคีย์เวิร์ดคือ “คำที่อยากให้ลูกค้ารู้จักเรา”
แต่หลังจากเจ็บมาหลายรอบ ผมได้เรียนรู้ว่า Keyword ไม่ได้เลือกจากสิ่งที่เราชอบ
แต่ต้องเลือกจาก “พฤติกรรมจริงของตลาด”
บทความนี้คือคู่มือที่ผมอยากให้เจ้าของธุรกิจออนไลน์ทุกคนได้อ่านก่อนจะลงมือทำ SEO จริงจัง
และผมจะเล่าแบบภาษาคนทำงาน ไม่ใช่ภาษานักวิชาการ
อะไรที่ใช้ไม่ได้ ผมจะบอกตรง ๆ
อะไรที่ช่วยประหยัดเวลาได้ ผมจะบอกให้หมด
ตั้งแต่หลักคิด วิธีเลือกคีย์เวิร์ด เทคนิคการวิเคราะห์ ไปจนถึงวิธีใช้เครื่องมือให้ตรงจุด
อ่านจบแล้ว คุณจะเลือก Keyword ได้คมกว่าเดิมมาก และไม่ต้องเสียเวลาอีกหลายเดือนแบบที่ผมเคยเจอ
ทำไมเจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่เลือก Keyword ผิดตั้งแต่ตอนแรก
ผมถามคำนี้บ่อยมากเวลาเจอ SME หรือร้านออนไลน์ที่กำลังเริ่ม SEO
เหตุผลเหมือนกันแทบทุกคน
– เลือกคำที่ตัวเองชอบ ไม่ใช่คำที่ตลาดค้นหา
– เลือกคีย์เวิร์ดที่แข่งหนักแบบไม่รู้ตัว เช่น คำทั่วไป คำสั้น คำกว้าง
– ใช้ Logic แทน Data เช่น “ลูกค้าน่าจะพิมพ์ว่า…” แต่ไม่เคยเช็กจริง
– อยากติดหน้าแรกเร็วเกินไป เลยไปเลือกคำใหญ่ ๆ ตายตั้งแต่ก่อนเริ่ม
– ไม่แยก Stage ของลูกค้า (Awareness – Consideration – Purchase)
ผมเคยให้คำปรึกษาแบรนด์อาหารเสริมแบรนด์หนึ่ง
เขาพยายามดันคำว่า “อาหารเสริมผิวขาว” มาตลอด 6 เดือน
แต่คู่แข่งมีเว็บไซต์ใหญ่ ๆ อย่างรีวิวจากสื่อ มีอำนาจโดเมนสูงกว่า
สุดท้ายคำนี้มี Volume สูงจริง แต่เขาไม่มีวันชนะในเร็ววัน
แต่มันมีคำอื่นที่ง่ายกว่า
แข่งขันต่ำกว่า
ลูกค้าตั้งใจซื้อเลยด้วยซ้ำ
นั่นคือสิ่งที่ SME ส่วนใหญ่ “มองไม่เห็น”
หลักการเลือก Keyword แบบมืออาชีพที่ผมใช้กับทุกโปรเจกต์
Keyword ไม่ใช่ “คำ” แต่คือ “ความตั้งใจ” และ SEO ไม่ใช่การเขียนบทความตามใจตัวเอง แต่คือการตอบคำถามตลาด
นี่คือหลักการที่ผมใช้เสมอ
1) Keyword ต้องสะท้อน “Intent” ไม่ใช่ความชอบของเรา
คนที่ค้นว่า “ครีมกันแดดทาหน้า ผู้ชายมันง่าย”
= เขาต้องการซื้อ
คนที่ค้นว่า “กันแดดทาหน้ายี่ห้อไหนดี”
= เขากำลังเปรียบเทียบ
คนที่ค้นว่า “ทาครีมกันแดดแล้วเป็นสิว”
= เขามีปัญหาที่เราต้องแก้ให้ก่อนขาย
Intent สำคัญกว่าปริมาณ
เพราะ Intent ที่ตรง = Conversion สูงกว่าเห็น ๆ
2) Keyword ต้องอยู่ในการแข่งขันที่เราสู้ไหว
โลกนี้ไม่มีคำว่า “ติดหน้าแรกแบบไม่ต้องแข่ง”
เพราะทุกคีย์เวิร์ดมีคู่แข่ง และ SEO เหมือนการขึ้นเวทีชกมวย
เราต้องดูว่าเรามีพลังแค่ไหนก่อนจะท้าแชมป์โลก
ผมจะวัดจาก 3 อย่าง
– Authority ของเว็บไซต์เรา
– จำนวนบทความที่มีอยู่
– งบประมาณและความต่อเนื่อง
ถ้าเว็บไซต์อายุไม่ถึง 6 เดือน อย่าเพิ่งไปแตะคีย์เวิร์ดใหญ่
เลือกคำยาว ๆ ก่อน เพื่อสะสมคะแนนก่อน
3) Keyword ต้องตอบโจทย์ “เงินเข้า”
SEO ไม่ใช่การเอาบทความไปวางเฉย ๆ
มันต้องขายได้
ต้องสร้างโอกาสทางธุรกิจ
มีคำจำนวนมากที่คนค้นเยอะ แต่ไม่มีเจตนาซื้อเลย เช่น
“กินคอลลาเจนแล้วดีไหม”
“ครีมกันแดดมีแบบไหนบ้าง”
คอนเทนต์แบบนี้เอาไว้ดึงคน แต่ขายไม่ได้
ต้องมีบทความเชิงซื้อ เช่น
“คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี 2025 รีวิวจากประสบการณ์จริง”
“กันแดดผู้ชายมันง่าย ยี่ห้อไหนดี”
คำกลุ่มนี้ทำเงินให้เราจริง
Framework เลือก Keyword ที่ผมใช้ประจำ
นี่คือ Mini-Framework ที่ผมใช้กับลูกค้าทุกคน
STEP 1: ค้นหา “Seed Keyword”
เริ่มจากคำพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
เช่น
ขายกาแฟ = กาแฟดริป, เมล็ดกาแฟคั่วกลาง
ขายครีมกันแดด = ครีมกันแดด, กันแดดหน้า
.
.
จดลงมา 10–20 คำพอ
STEP 2: ใช้เครื่องมือดูว่าตลาดค้นหาอะไรจริง
เครื่องมือที่แม่นที่สุดในตอนนี้
– Google Keyword Planner
– Ahrefs (ahrefs.com)
– Ubersuggest (neilpatel.com/ubersuggest)
– Google Autocomplete / Related Search
ค้นหา Seed Keyword แล้วดู:
– คำใกล้เคียง
– คำที่ตั้งใจซื้อ
– คำที่เป็นปัญหาของลูกค้า
– คำที่มี Volume น้อยแต่ Intent ชัด
STEP 3: เช็ก Competitor บนหน้าแรก
วิธีนี้เปลี่ยนชีวิตผมเลย เพราะหน้าแรกของ Google จะบอกเราว่าต้องใช้ Content แบบไหนเพื่อชนะ
ให้สังเกต:
– ประเภทคอนเทนต์
– ความยาว
– โครงสร้าง
– heading ที่เขาใช้
– จุดขายของแต่ละบทความ
ถ้าผู้ชนะเป็นเว็บใหญ่หมด ให้ข้ามคีย์เวิร์ดนั้น
ถ้าเป็นเว็บเล็กปะปน นั่นคือเรายังพอมีโอกาส
STEP 4: จัดกลุ่ม Keyword ตาม Intent
ลูกค้าจะอยู่ 3 Stage
– รู้ปัญหาแต่ยังไม่มองหาสินค้า
เช่น “เจลกันแดด vs ครีมกันแดด”
– เริ่มหาตัวเลือก
เช่น “ครีมกันแดดผู้ชาย ยี่ห้อไหนดี”
– ต้องการซื้อทันที
เช่น “ครีมกันแดดผู้ชายมันง่าย ซื้อที่ไหน”
จำไว้เลยว่า SEO ที่ดีต้องทำครอบคลุมทั้ง 3 Stage
STEP 5: ทำ Content Cluster
คือการทำหลายบทความในหัวข้อเดียว เพื่อให้ Google เชื่อว่าเราเชี่ยวชาญจริง
เช่นหมวด “กันแดดผู้ชาย”:
– กันแดดผู้ชายยี่ห้อไหนดี
– ผู้ชายผิวมันใช้กันแดดแบบไหนดี
– กันแดดกันน้ำ vs กันแดดทั่วไป แบบไหนเหมาะกับผู้ชาย
– รีวิวกันแดดผู้ชาย 5 ยี่ห้อจริง
– เมื่อทำครบ โอกาสติดหน้าแรกจะสูงขึ้นมาก
ตัวอย่างจริงจากประสบการณ์ตรง ผมมีลูกค้ากลุ่ม Skincare รายหนึ่ง เขาตั้งใจดันคำว่า “กันแดดหน้าใส” Volume สูงจริง แต่แข่งขันโหดมาก ผมปรับกลยุทธ์ใหม่ให้เขาแบบนี้ ตามเฟรมเวิร์คที่อธิบายไว้ด้านบนเลย
เลือกคำที่เฉพาะเจาะจง
“กันแดดผู้ชายมันง่าย”
“กันแดดผู้ชายไม่เหนียว”
“กันแดดผู้ชายออกกำลังกาย”
แล้วเอาไปทำ Content Cluster เฉพาะกลุ่มผู้ชาย
ทำบทความเปรียบเทียบยี่ห้อแบบจริงใจ
ทำบทความตอบปัญหา เช่น ทากันแดดแล้วเป็นสิวทำไง, ทำไมผู้ชายต้องทากันแดด
ผลลัพธ์: 3 เดือนติดอันดับหลายคำ นำคนเข้าหน้าสินค้าได้ทุกวัน ยอดขายโตแบบไม่ต้องยิงแอดเพิ่มเลย
สิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำ เวลาวิเคราะห์ Keyword
สิ่งที่ควรทำ
– ใช้ Data ตัดสิน ไม่ใช่ความรู้สึก
– ดูคู่แข่งบนหน้าแรกเสมอ
– เลือกคำที่ตลาดค้นหาแต่ยังแข่งขันน้อย
– สร้างคอนเทนต์ที่ลึกและจริงใจ
– ทำ Content Cluster ไม่ใช่บทความเดี่ยว ๆ
สิ่งที่ไม่ควรทำ
– เลือกคีย์เวิร์ดใหญ่เกินตัว
– ทำคอนเทนต์แบบรีบ ๆ เอาจำนวน
– ใช้คำซ้ำไปซ้ำมาโดยไม่มีคุณค่า
– เลือกคำเพราะคิดว่า “เท่”
– ทำ SEO แบบเดี่ยว ๆ ไม่ดู journey ของลูกค้า
วิธีเช็กคุณภาพ Keyword แบบง่ายที่สุด ผมใช้เกณฑ์นี้เสมอเวลาเลือกคีย์เวิร์ดใหม่
1. มีคนค้นหาแน่ไหม
ลองเช็ก Volume อย่างน้อย 20–50 ก็เพียงพอสำหรับเว็บใหม่
2. Intent ชัดไหม
ลูกค้าต้องรู้อยู่แล้วว่าต้องการอะไร ไม่ใช่คำกว้าง ๆ
3. คู่แข่งสู้ได้ไหม
ถ้าเป็นเว็บใหญ่วิ่งเต็มหน้าแรก = ข้ามไปก่อน
4. บทความเรามีมุมเล่าไหม
ถ้าคำหนึ่งไม่มีอะไรให้เล่า = ไม่ต้องทำ
5. คำนี้มีโอกาสขายไหม
ถ้าไม่ ให้ทำเป็นบทความให้ความรู้แทน

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ จะรู้ว่าแท้จริงแล้ว SEO มันไม่ได้ยาก
แต่ Keyword ที่ไม่ตรงตลาดนี่แหละทำให้ธุรกิจเหนื่อยฟรี
ผมอยากให้คุณจำแค่ 3 ข้อนี้ให้แม่นที่สุด
– เลือก Keyword จาก “พฤติกรรมคนจริง” ไม่ใช่จาก wishful thinking
– อย่าเลือกคำใหญ่ ถ้าเพิ่งเริ่ม
– ทำคอนเทนต์ให้ลึกกว่าคู่แข่ง แล้ว Google จะให้คะแนนเราเอง
SEO ที่ดีไม่ใช่เรื่องดวง
แต่คือการอ่านเกมให้ขาดตั้งแต่ก่อนเขียนประโยคแรก
ถ้าคุณอ่านบทความนี้จนจบ ตั้งแต่พรุ่งนี้คุณจะมอง Keyword ในอีกมุมหนึ่ง
และที่สำคัญที่สุด… คุณจะไม่เสียเวลาอีกหลายเดือนแบบที่หลายธุรกิจเคยพลาดมาแล้ว




