ก่อนจะทำคอนเทนต์ตามคนอื่น อ่านอันนี้ก่อน (จะได้ไม่ติดสงครามราคา)

มี “กับดัก” ที่ SME ออนไลน์ติดกันเยอะมาก
คือเห็นคู่แข่งทำอะไร แล้วรีบทำตามทันที

คู่แข่งทำคลิปแนวนี้ → เราทำ
คู่แข่งใช้คำแบบนี้ → เราใช้
คู่แข่งจัดโปรแบบนี้ → เราจัด
คู่แข่งยิงคอนเทนต์ถี่ → เราก็ถี่

มันดูเหมือนขยัน ดูเหมือนทันเกม
แต่ผลลัพธ์ที่ได้มักจบแบบเดิม:

ยอดพอมี… แต่กำไรหาย
ลูกค้าถามแต่ “ลดได้ไหม”
เหนื่อยกว่าเดิม แต่ธุรกิจไม่โต

นี่แหละ “สงครามราคา” เวอร์ชันที่เริ่มจากคอนเทนต์
ไม่ใช่เริ่มจากการลดราคา

ทำไม “ทำคอนเทนต์ตามคนอื่น” ถึงพาเราไปติดสงครามราคา

คำตอบสั้น ๆ คือ
เพราะคอนเทนต์ที่เหมือนกัน ทำให้เรา “ไม่มีความหมาย” ในสายตาลูกค้า

ลองคิดแบบคนซื้อ:

ถ้าโพสต์ของร้านเรา “คล้าย” ร้านอื่น
สินค้า “คล้าย”
ข้อเสนอ “คล้าย”
คำสัญญา “คล้าย”

ลูกค้าจะตัดสินใจด้วยอะไร?

ส่วนใหญ่จะเหลือ 2 อย่างเท่านั้น

  1. ถูกกว่า
  2. สะดวกกว่า/ส่งไวกว่า

และ 2 อย่างนี้คือสนามที่ SME มักแพ้ยากมาก
เพราะเราไม่ได้มีทุน มีทีม มีระบบเท่ารายใหญ่

ดังนั้น “ทำตาม” อาจทำให้ดูเหมือนอยู่ในเกม
แต่จริง ๆ คือกำลังเดินเข้าไปในเกมที่เราเสียเปรียบตั้งแต่ต้น

ความเข้าใจผิดที่ทำให้ SME ติดกับ: “ทำเหมือน = ปลอดภัย”

หลายคนคิดว่า
“ทำเหมือนที่ตลาดทำ” อย่างน้อยก็ไม่พลาด

แต่การตลาดไม่ได้ให้รางวัลกับ “คนที่ไม่พลาด”
การตลาดให้รางวัลกับ “คนที่ลูกค้าจำได้”

และลูกค้าจะจำได้ก็ต่อเมื่อ
เราเลือกยืนในมุมที่ชัดพอ

แก่นของเรื่องนี้คือ “Positioning” ไม่ใช่ “คอนเทนต์”

คอนเทนต์เป็นแค่ “รถ”
Positioning คือ “ทิศทาง”

ถ้าทิศทางไม่ชัด
ทำคอนเทนต์เพิ่มแค่ไหน ก็เหมือนขับรถวนในวงเวียน

Positioning แปลแบบบ้าน ๆ คือ
เราขายให้ใคร ในสถานการณ์ไหน และเราชนะด้วยเหตุผลอะไร

ถ้าตอบ 3 อย่างนี้ไม่ได้
คอนเทนต์จะหลุดไปเป็น “โพสต์ทั่วไป”
และโพสต์ทั่วไป = วัดกันที่ราคา

เช็กตัวเอง 30 วินาที: ตอนนี้เรากำลังทำตามโดยไม่รู้ตัวไหม

ตอบ “ใช่/ไม่ใช่” แบบไม่ต้องเกรงใจ

  • โพสต์เราอ่านแล้วรู้สึกว่า “ร้านไหนก็พูดได้”
  • เราพูดว่า “ของดี คุ้ม คุณภาพ” แต่ไม่มีหลักฐานเฉพาะ
  • ลูกค้าทักมาแล้วถามราคาเร็วมาก ทั้งที่ยังไม่เข้าใจคุณค่า
  • เราเปลี่ยนแนวคอนเทนต์ตามคู่แข่ง/ตามเทรนด์ตลอด
  • เราอธิบายไม่ได้ว่า “ทำไมต้องเลือกเรา” ใน 1 ประโยค

ถ้า “ใช่” ตั้งแต่ 2 ข้อขึ้นไป
สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่โพสต์เพิ่ม
แต่ต้อง “ยืนให้ชัด” ก่อน

Framework ใช้ได้จริง: เลิกตาม ด้วย 4-Step “เลือกต่างอย่างจงใจ”

Step 1) เลือก “คนที่อยากชนะ” แค่ 1 กลุ่มก่อน

อย่าเริ่มจาก “ขายได้ทุกคน”
ให้เริ่มจาก “ชนะให้ได้ในกลุ่มเดียวก่อน”

ตัวอย่างกลุ่มที่เลือกได้แบบจับต้อง:

  • มือใหม่ที่กลัวซื้อผิด (ต้องการความมั่นใจ)
  • คนที่รีบใช้ (ต้องการความเร็ว)
  • คนที่เคยเจ็บจากร้านอื่น (ต้องการความปลอดภัย/รับประกัน)
  • คนที่ซื้อซ้ำเป็นประจำ (ต้องการระบบ/สมาชิก/ความคงที่)

Step 2) เลือก “ปัญหาหลัก” ของกลุ่มนั้น

อย่าคิดว่าลูกค้าซื้อเพราะอยากได้ของ
ส่วนใหญ่ซื้อเพราะอยาก “ลดความเสี่ยง” หรือ “ได้ผลลัพธ์”

ถามให้ตรง:

  • เขากลัวอะไรที่สุดก่อนกดซื้อ?
  • เขาเคยโดนอะไรจากร้านอื่น?
  • อะไรทำให้เขาลังเลนาน?

Step 3) เลือก “มุมยืน” ที่เราถนัดจริง

มุมยืนไม่ต้องเยอะ
เอาแค่ 1 มุมที่เราทำได้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ เช่น

  • แก้ปัญหาไวกว่า (Process ชัด)
  • ดูแลหลังการขายจริง (Service เด่น)
  • อธิบายให้คนไม่รู้เรื่องเข้าใจได้ (Guidance เด่น)
  • คัดของเข้ม (Quality control เด่น)

Step 4) เขียน “ประโยคสัญญา” ให้ชัดใน 1 บรรทัด

ใช้สูตรนี้ได้เลย:

“สำหรับ [กลุ่มลูกค้า] ที่เจอ [ปัญหา/สถานการณ์] เราช่วยให้ [ผลลัพธ์] ด้วย [วิธี/เหตุผล]”

ถ้าประโยคนี้ชัด
คอนเทนต์หลังจากนี้จะไม่หลงทาง
และจะไม่โดนลากไปสู้ที่ราคา

ตัวอย่างบ้าน ๆ ของเหมือนกัน แต่ไม่ต้องขายเหมือนกัน

สมมติขาย “เสื้อยืด” เหมือนกัน
ร้านส่วนใหญ่โพสต์ว่า
“ผ้านุ่ม ใส่สบาย ราคาโปร”

นี่คือคำที่ “ทุกคนพูดได้”
ลูกค้าก็เลยเลือกจากราคา

แต่ถ้าเราเลือกยืนต่างอย่างจงใจ เช่น

  • เสื้อยืดสำหรับคนเหงื่อเยอะ (ไม่อับ/ไม่เหม็น)
  • เสื้อยืดสำหรับคนไม่ชอบรีด (ทรงอยู่)
  • เสื้อยืดสำหรับคนอ้วน (ทรงพราง/ไม่รัด)
  • เสื้อยืดสำหรับสายมินิมอล (match ง่ายทุกวัน)

สินค้าอาจใกล้เคียง
แต่ “เหตุผลที่เลือก” เปลี่ยนทันที
และเมื่อเหตุผลชัด… ราคาจะไม่ใช่คำถามแรก

สรุปให้จำง่ายแบบชาวเน็ต

คอนเทนต์ที่ทำตามคนอื่น จะพาเราไปสู้ในสนามราคา
เพราะเราไม่ได้สร้าง “เหตุผลให้เลือก”

ก่อนโพสต์ตามเทรนด์ครั้งหน้า
หยุด 1 นาที แล้วถามตัวเองว่า

โพสต์นี้ทำให้คนจำเราในมุมไหน?
ถ้าตอบไม่ได้
ปรับ Positioning ก่อน
แล้วค่อยยิงคอนเทนต์

คอนเทนต์ไม่ใช่เรื่อง “ทำเยอะ”
แต่คือ “ทำให้ชัด” จนคนเลือกเราได้ง่ายขึ้น

Hot this week

Customer Journey 5 Stages สรุปเข้าใจง่าย พร้อมวิธีวางแผนการตลาด

Customer Journey 5 ขั้นคือแผนที่เส้นทางลูกค้า ตั้งแต่เริ่มเห็นแบรนด์จนกลายเป็นคนบอกต่อ บทความนี้พาไล่ทีละสเต็ป ว่าลูกค้าคิดอะไร ทำอะไร และแบรนด์ควรออกแบบประสบการณ์แบบไหน เพื่อให้ทั้งยอดขายและความภักดีเติบโตไปพร้อมกัน

4P vs 7P สรุปจบใน 1 ตอน

บทความนี้พาไล่ตั้งแต่ 4P ดั้งเดิมไปจนถึง 7P สำหรับธุรกิจบริการ อธิบายความต่าง จุดใช้ และยกตัวอย่างให้เห็นภาพ พร้อม Framework ง่าย ๆ ที่เอาไปเช็กธุรกิจของตัวเองได้ทันที

หมกมุ่นยอดฟอล ≠ หมกมุ่นยอดโอน

ปัญหาของเจ้าของธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่ คือเอาแต่ดีใจกับตัวเลขบนหน้าจอ แต่ไม่เคยมองยอดโอนในบัญชีแบบจริงจังฝั่งหมกมุ่นยอดฟอล– วัดแต่ยอดฟอล ไม่เคยมองว่าวันนี้ปิดกี่บิล – แจกของฟรี ไลฟ์แจก แถมไม่อั้น เอายอดตาม แต่คนตามเพราะของฟรี ไม่ได้ตามเพราะอยากซื้อ – ทำคอนเทนต์เอาไวรัล...

เช็กด่วน ก่อนลดราคาแบบไม่ลืมหูลืมตา

หลายธุรกิจขายไม่ออก ไม่ได้เพราะแพงไป แต่เพราะลูกค้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ซื้อร้านนี้แล้วได้อะไรกลับไปกันแน่ก่อนจะกดลดราคา ลองเช็กตัวเองให้ครบ 5 ข้อนี้ก่อนลูกค้ารู้จริงไหมว่า “เราต่างจากเจ้าอื่นยังไง” หน้าเพจเต็มไปด้วยรูปสวย คำโปรยสวย แต่ไม่มีประโยคไหนตอบชัดว่า ทำไมต้องซื้อกับเรา ไม่ใช่ร้านข้าง ๆ ทุกโพสต์พูดแต่ของตัวเอง...

อ่านโพสต์นี้ก่อนเลือก Keyword ไม่งั้นเหนื่อยฟรีอีกหลายเดือน

คู่มือเลือก Keyword แบบง่ายแต่เฉียบสำหรับเจ้าของธุรกิจออนไลน์ ช่วยลดเวลาหลงทาง และเพิ่มโอกาสติดอันดับ Google อย่างมีประสิทธิภาพ

Topics

Customer Journey 5 Stages สรุปเข้าใจง่าย พร้อมวิธีวางแผนการตลาด

Customer Journey 5 ขั้นคือแผนที่เส้นทางลูกค้า ตั้งแต่เริ่มเห็นแบรนด์จนกลายเป็นคนบอกต่อ บทความนี้พาไล่ทีละสเต็ป ว่าลูกค้าคิดอะไร ทำอะไร และแบรนด์ควรออกแบบประสบการณ์แบบไหน เพื่อให้ทั้งยอดขายและความภักดีเติบโตไปพร้อมกัน

4P vs 7P สรุปจบใน 1 ตอน

บทความนี้พาไล่ตั้งแต่ 4P ดั้งเดิมไปจนถึง 7P สำหรับธุรกิจบริการ อธิบายความต่าง จุดใช้ และยกตัวอย่างให้เห็นภาพ พร้อม Framework ง่าย ๆ ที่เอาไปเช็กธุรกิจของตัวเองได้ทันที

หมกมุ่นยอดฟอล ≠ หมกมุ่นยอดโอน

ปัญหาของเจ้าของธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่ คือเอาแต่ดีใจกับตัวเลขบนหน้าจอ แต่ไม่เคยมองยอดโอนในบัญชีแบบจริงจังฝั่งหมกมุ่นยอดฟอล– วัดแต่ยอดฟอล ไม่เคยมองว่าวันนี้ปิดกี่บิล – แจกของฟรี ไลฟ์แจก แถมไม่อั้น เอายอดตาม แต่คนตามเพราะของฟรี ไม่ได้ตามเพราะอยากซื้อ – ทำคอนเทนต์เอาไวรัล...

เช็กด่วน ก่อนลดราคาแบบไม่ลืมหูลืมตา

หลายธุรกิจขายไม่ออก ไม่ได้เพราะแพงไป แต่เพราะลูกค้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ซื้อร้านนี้แล้วได้อะไรกลับไปกันแน่ก่อนจะกดลดราคา ลองเช็กตัวเองให้ครบ 5 ข้อนี้ก่อนลูกค้ารู้จริงไหมว่า “เราต่างจากเจ้าอื่นยังไง” หน้าเพจเต็มไปด้วยรูปสวย คำโปรยสวย แต่ไม่มีประโยคไหนตอบชัดว่า ทำไมต้องซื้อกับเรา ไม่ใช่ร้านข้าง ๆ ทุกโพสต์พูดแต่ของตัวเอง...

อ่านโพสต์นี้ก่อนเลือก Keyword ไม่งั้นเหนื่อยฟรีอีกหลายเดือน

คู่มือเลือก Keyword แบบง่ายแต่เฉียบสำหรับเจ้าของธุรกิจออนไลน์ ช่วยลดเวลาหลงทาง และเพิ่มโอกาสติดอันดับ Google อย่างมีประสิทธิภาพ

อนาคตของค้าปลีกเจ้าใหญ่จะเป็นแบบไฮบริดจริงหรือ? มองมุมแรกของโมเดล Makro x Lotus’s Mall

โลกค้าปลีกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคต้องการสิ่งที่ดีที่สุดจากการช้อปปิ้งทั้งออนไลน์และหน้าร้าน แนวโน้มสำคัญคือ "ค้าปลีกแบบไฮบริด" ที่ประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์หลอมรวมกัน รายงานนี้จะพาไปสำรวจตัวอย่างที่น่าสนใจ นั่นคือ โมเดล Makro...

สร้าง Infographic สุดปัง สื่อสารข้อมูลเข้าใจง่ายแชร์ได้ไว

Infographic คือ การนำเสนอข้อมูลด้วยภาพ ที่ช่วยย่อยข้อมูลเชิงซ้อน ให้ง่ายต่อการเข้าใจ แถมยังดูสวยงามน่ามอง บทความนี้ จะพาคุณไปเรียนรู้ วิธีสร้าง Infographic ให้ปัง พร้อมเคล็ดลับการออกแบบ และตัวอย่าง ที่น่าสนใจ

Google Search Console เครื่องมือวิเคราะห์ SEO ฟรี ที่ธุรกิจออนไลน์ต้องมี!

Google Search Console คือ เครื่องมือวิเคราะห์ SEO ฟรีจาก Google ที่ช่วยให้ธุรกิจออนไลน์สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพเว็บไซต์, วิเคราะห์ SEO, แก้ไขปัญหาทางเทคนิค, และปรับปรุงอันดับเว็บไซต์บน Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
spot_img

Related Articles

Popular Categories

spot_imgspot_img